ปาปัวนิวกินี ..หลายคนพอได้ยินชื่อประเทศนี้ ก็อาจจะงงๆ และเกิดคำถาม
ประเทศไรวะ?? อยู่ส่วนไหนของโลก?? ไปทำไม?? มีอะไรให้เที่ยว??
อย่าว่าแต่พวกเธองงเลย เพราะเราก็งงเหมือนกัน
ปาปัวนิวกินี เป็นประเทศแรกที่ไปแล้วเกิดคำถาม “กูมาทำไมวะ”
ประเทศนี้เป็นแหล่งเพาะเชื้อมาลาเรียชั้นดี ชนเผ่ากินคนก็ยังคงมีอยู่
จะไปต่างเมืองต้องบินอย่างเดียว ถนนตัดผ่านไม่ครอบคลุม
เพราะบางที่ยังเจรจากับชนเผ่าไม่ได้ เจ้าที่ไม่ยอมให้ผ่าน
ก่อนอื่นขอแนะนำให้รู้จักกับประเทศนี้คร่าวๆ
ทริปนี้เราไปที่ไหนบ้าง..
สำหรับการเดินทางครั้งนี้เราเที่ยวกัน 2 เมืองแค่นั้นแหละ คือ Rabual และ Port Moreby
>> ถามว่าแต่ละเมืองมันมีที่เที่ยวเยอะหรอ..หึ!! เปล่าเลย ค่าทัวร์มันแพงถึงแพงมาก ปาปัวนิวกินี 9 วัน รวมแล้วจ่ายไปพอๆ กับ อเมริกาใต้ 14 วันเลยจร้าาา
Rabaul ธรรมชาติสวยดิบสมบูรณ์มากๆ เราไปเดินเล่นภูเขาไฟที่ยัง Active อยู่ มีชื่อเกร๋ๆ ว่า Tavurvur Volcano แล้วก็ไปนอน Homestay กับชนพื้นเมือง บนเกาะ Mioko คนที่นี่น่ารัก ยิ้มแย้ม (ดู)เป็นมิตร ชอบการถ่ายรูป เห็นกล้องแล้วยิ้มใส่ทันที
Port Moresby เป็นเมืองที่แบบ เอิ่ม..ไงดีหละ ใช้คำว่ายังไม่ค่อยเจริญน่าจะเหมาะ มีห้างประจำเมืองอยู่ 1 ห้าง ถ้าให้เทียบกับบ้านเรา โลตัส บิ๊กซี ยังดูมีอะไรมากกว่า แล้วแบบคนจีนเยอะมาก
การตัดสินใจ
วี๊ว่อ วี๊ว่อ..ตั๋วโปรฯ มาแว้ววววววว
ตั๋วราคาโปรก็คงไม่ต่างอะไรกับรถติดไซเรน จะเอายังไงต้องรีบเร่งในการตัดสินใจ
เมื่อรถติดไซเรนสังกัดประเทศปาปัวนิวกินี แล่นผ่านมา มองซ้าย มองขวา ไม่ทันไร
วีซ่าก็มาอยู่ในมือเรียบร้อยแล้วจ้าาาา
หลังจากจองตั๋วเรียบร้อย..ก็พากันไปทำวีซ่า ถึงจะมีวีซ่าแบบ VOA แต่แนะนำว่าทำจากไทยไปเลยดีกว่า ค่าวีซ่าคนละ 3 พันบาท วีซ่าที่นี่ยังเป็นระบบแมนนวลอยู่นาจา พี่เจ้าหน้าที่น่ารักมากกกกกกก
ปล.เนื่องจากที่นี่แทบไม่มีรีวิวเลย เราเลยโทรไปถามนู่นถามนี่ พี่เจ้าหน้าที่ (คนไทย) ที่สถานกงศุลปาปัวนิวกินีบ่อยมากๆ โทรไปคุยขอคำปรึกษาครั้งละประมาณครึ่งชั่วโมง จนคุ้นเคยกันเลยอะ
จำได้เลย..คำถามแรกที่เราถามเค้า คือ มีคนไทยไปขอวีเที่ยวเยอะป่าวคะ จนท.ตอบว่า..เพิ่งมีเราเจ้าแรกของปีนี้แหละที่โทรมาถาม 555
หลังจากทำวีซ่าเรียบร้อย..ก็ชวนกันไปฉีดวัคซีน และรับยาที่ช่อง 3 อย่างที่บอก..ว่าประเทศนี้เป็นแหล่งแพร่เชื้อมาลาเรียชั้นดี ก่อนเดินทางเราก็เลยพากันไป Travel Clinic ไปปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็แนะนำให้ฉีดวัคซีน (จำวัคซีนไม่ได้แล้ว) และก็สั่งยา Anti มาลาเรีย ให้ไปกินกัน
**อันนี้สำคัญนะ!! เวลาจะเดินทางไปประเทศที่เสี่ยง (ต่อโรค) ก่อนเดินทางเราจะไปปรึกษาแพทย์ที่ Travel Clinic เสมอ คือตอนนี้ในตัวมีวัคซีนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอยู่หลายชนิดเลยจ้า สะสมไว้ตั้งแต่ก่อนไปอเมริกาใต้
อ้อ!! ประกันเดินทางก็เป็นเรื่องสำคัญนะ เราใช้แบบรายปี ของ MSIG
เริ่มต้น..การเดินทาง
เรียน..ท่านผู้โดยสาร เที่ยวบินนี้ยังไม่สามารถพาท่านไปสู่ปลายทางที่ประเทศปาปัวนิกีได้ เนื่องจากที่นี่ไม่มีเที่ยวบินตรงจากไทย เราเลยจำเป็นต้องพาท่านไปแวะต่อเครื่องที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ก่อนเด้อจ้า
โปรดรัดเข็มขัดที่นั่งให้เรียบร้อย เพราะเรากำลังพาท่านออกเดิน บึ๋นๆๆๆๆๆๆๆ
ตุ๊บแรก : กรุงเทพ > มะนิลา ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง
ตุ๊บสอง : มะนิลา > พอร์ต มอสบี ใช้เวลาเกือบ 6 ชั่วโมง
ตัดภาพไปที่ปาปัวนิวกินีเลยแล้วกัน
สนามบินกลิ่นตัว
ถึงแล้วๆ ปาปัวนิวกินี มาถึงก็มึนกันเลยจ้า มึนว่านั่นหมายถึงมึนกลิ่นนะ เพราะสนามบินที่นี่มีกลิ่นสุดอัศจรรย์ที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งอาคารสนามบิน คือแบบ โอ มาย ก๊อด พระเจ้าขา..ส่งยาดมมาให้หนูที เล่าไปอาจจะนึกภาพไม่ออก อัดเป็นคลิปมาให้ชมเลยจ้า ..เสียดายคลิปมันใส่กลิ่นลงไปไม่ได้ อยากให้ทุกคนได้สัมผัส กลิ่นรัญจวนชวนคลื่นไส้นั้นไปพร้อมๆ กัน
แต่เรื่องชวนให้ยิ้มก็มีนะ เพราะความแมนนวลของสนามบินที่นี่น่ารักมากๆ ตารางการบินเขียนด้วยมือจ้า
ในที่สุดเราทุกคนก็รอดพ้นจากกลิ่นรัญจวนนั้นมาได้อย่างปลอดภัย เพราะต้องบินไปที่เมือง Rabual เมืองที่เราจะฝังตัวอยู่ที่นั่นกันถึง 5 วัน 4 คืน
Rabual เมืองหลักในการเดินทาง
“สวัสดีค่ะ เมืองลาบาวยินดีต้อนรับ ขอให้ทุกท่านสนุกกับการมาเยือนเมืองนี้นะคะ”
นี่คือเสียงจากพนักงานต้อนรับประจำท่าอากาศยาน (ในจินตนาการของเรา)
อาการมึน(กลิ่น) จากสนามบินที่ Port Moresby ยังไม่ทันหายดี ก็ต้องมามึนกันต่อกับแผนที่ผิดพลาดเมื่อมาถึงเมือง Rabual
คือก่อนหน้านี้เราได้ติดต่อกับโรงแรมให้ส่งรถมารับเราเรียบร้อยแล้ว ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ๆๆๆ แม่สายบัวก็รอเก้อ เพราะไม่มีใครมารับเรา ไม่มี๊ ไม่มี ไม่มีเลยจริง ๆ
เอายังดีหละทีนี้ เริ่มรู้สึกเฟ้งฟ้าง โทสับก็โทรออกไม่ได้ เมลล์ไปตาม โรงแรมก็ไม่ตอบสักที ยืนมึนอยู่สักพัก ก็นึกขึ้นได้ว่า.. “ฉันต้องทำ ทำอะไรสักอย่างแล้ว”
ก็เลยเดินไปหา จนท.สายการบิน และเจ๊คนนี้ก็ให้ความช่วยเหลือเราเป็นอย่างดี ถามคนโน่นคนนี้ให้ จนในที่สุดเราก็ไปถึงโรงแรมที่จองเอาไว้ล่วงหน้าอย่างปลอดภัย
แถมมาด้วยแนะนำทัวร์ให้เราเสร็จสรรพ คือทริปนี้มาแบบไม่ได้จองทัวร์ล่วงหน้า กะไปหาเอาข้างหน้าล้วนๆ โคตรเสี่ยงอะ 5555 (ไม่ควรลอกเลียนแบบ เพราะทุกการเดินทามีความเสี่ยง โดยเฉพาะกับประเทศที่ย่ังไม่เป็นที่นิยมในด้านการท่องเที่ยว) ซึ่งทัวร์เจ้าที่เจ๊แนะนำเจ้าของก็คือ ผ. เจ๊นั่นแหละค๊า มิน่าหละเจ๊เชียร์จังเลย
ทัวร์ของ ผ. เจ๊ เป็น Local Tour นะ ชื่อว่า Madapai Tours Rabual ชาวบ้านทำกันเอง ไม่ได้ผ่านเอเจ้นท์ใดๆ ถ้าดิวผ่านเอเจ้นราคาต้องสูงกว่านี้แน่ๆ
โปรแกรมทัวร์ที่เราเลือก (ตอนแรก) ก็คือ Hiking ยามเช้าที่ภูเขาไฟ Tavurvur นอนโฮมสเตย์บนเกาะ Mioko 2 คืน (รวมอาหาร / เดินชมหมู่บ้าน / Tradition Dancing / ดำน้ำแบบ Snorkeling) ราคาทัวร์ตกคนละประมาณ หมื่นกลางๆ ซึ่งพวกเราคิดว่าแพงงงงงงงงงงงงงง
Tavurvur Volcano ภูเขาไฟที่ยังมีชีวิต
มาค่ะ..ไปเดินไต่ภูเขาไฟที่
เพื่อความสมจริงของการเล่า โปรดคลิกเข้าไปดูคลิป แล้วกลับมาอ่านต่อ
ภูเขาไฟที่นี่เดินไม่ยากเท่
เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องเก็บอาการไว้ เมื่อเจอกล้อง เอ้าาา!! ยิ้ม
บางช่วงคือทางชันมากๆ ชันแบบก่อนขึ้นต้องหยุดยืนง
สุดท้ายก็ขึ้นไปยืนยิ้มบนยอ
ลูกทัวร์มีแค่ 3 อีก ส่วนอีก 5 คือคนที่มาคอย Take Care สวยสุดบนเขา เพราะว่าเราคือหญิงเดียว 555555
เหนื่อยแค่ไหนไม่สำคัญ ภาพถ่ายนั้นต้องได้กลับมา
ลงมาถึงพื้นหน้าชื่นตาบาน ภูมิทัศน์ที่นี่ สวยแปลกตาดีแท้
ขากลับลงมามีชาวบ้านเอาของท
ออกจากภูเขาไฟ ก็ไปลองกินอาหารท้องถิ่นกัน
Mioko Isnand โคตรเรียล
ทะเลระหว่างทางคือสวยมากกกก
ในขณะที่เรือกำลังแล่นเข้าฝั่ง
ถึงแล้วโฮมเสตย์ที่เราจะมาฝ
น้องจ๋า…พี่ขอนั่งบนเรือด้
รักน้ำ รักปลา รักทะเลที่ปาปัวนิวกินี
หลังจากเข้านอนตามวิถีของชนพื้นเมืองที่นี่ แบบที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ มาแบบนี้นานๆ ครั้ง มันก็โอเคดีนะ ได้คุยกับคนตรงหน้ามากขึ้น ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ไม่งั้นก็คงก้มหน้าก้มตาจิ้มโทสับของตัวเองกันเหมือนทุกๆ คืนที่ผ่านมา
เช้าวันรุ่งขึ้น..ก็แปลงร่า
เล่าต่อๆ..ไอ้จุดที่เค้าพาเราไปดำน้ำห
แท๊ม แม๊ม แท๊ม แท่ม…ไม่เจอพะยูน เจอโลมาก็ยังดี ได้รู้สึกคุ้มค่ากับราคาค่า
ไม่อยู่แล้วจ้า เผ่นดีกว่า.. สรุปว่าเราทนกับสภาพไร้ไฟฟ้
และมีอีกหนึ่งสาเหตุที่เราต
โปรดโฟกัสที่สีน้ำทะเล อย่ามาโฟกัสที่หน้าเรานะ บูบี้มาจากดำน้ำ ภาพนี้ไม่ได้ปรับแต่งสีเลยน
ตลาดประจำเมือง
วันต่อมา..นับว่าเป็นวันพัก
ตลาดนี้ชื่อว่า Kokopo Market เป็นตลาดที่คนที่โน่นเค้าเค
บริเวณด้านหน้าตลาด
ตลาดที่นี่ตะมีทั้ง Indoor และ Outdoor
ผลไม้ส่วนใหญ่ก็จะคล้ายๆ กับบ้านเราเลย
ตลาดที่นี่่ดูดีม๊ากมาก แบ่งสัดส่วนชัดเจน กลิ่นไม่มี ดูดีกว่าตลาดบ้านเราหลายเท่
นี่เป็นโซนที่ขายเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ
อาหารทะเลที่นี่ถูกมากกกกก ปลาหมึกตัวละร้อยเดียวจ้าร้
ปูทะเลพวงละร้อยมี 8 ตัว โคตรถูกเลยจ้า แต่ก็ได้แค่มองแล้วก็อึ้งกั
กิเรกิเร้ สัมผัสวิถีชีวิต
เริ่มจากเรียนรู้วิถีชีวิตแ
หลังจากการสร้างรายได้ของคนที่นั่นแล้ว เค้าก็จะโชว์ร้องเพลงให้พวกเราฟังด้วย แฮปปี้ๆๆๆ มากจ่ะ เค้าตื้นเต้นกันมากๆๆๆ ที่เราไปเยือนเค้าถึงถิ่น (ชาวต่างชาติคณะแรก 555) เลยแห่มาต้อนรับกันทั้งหมู่
หลังจากโชว์ร้องเพลงจบลง ก็ไปดูแหล่ง
มีที่หลบระเบิดด้วยนะ ถ้ำหลบภัยยามสงครามแห่งนี้ ลึกประมาณ 400 เมตร ตู้มมมมม!! หลบจ้าหลบ
เพียงแค่คุณไม่มีเจ้าชาย ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ใ
กินข้าวเสร็จก็แห่กันไปชมกา
Time To Say GOODBYE
ก่อนกลับถ่ายภาพเป็นที่ระทึก
เค้าพาเราไปเที่ยวแม่น้ำ Warangoi ด้วย ที่นี่ไม่ได้มีอะไรให้ตื่นต
จากป่าสู่เมืองหลวง Port Moresby
กลับมาที่เมืองหลวง Port Moresby เมืองหลวงที่โคตรจะไม่มีอะไ
คือระหว่างเดินเที่ยวที่นี่
ในภาพนี้คือ Koki Fish Market เป็นตลาดปลาที่สะอาด และอาหารทะเลถูกมากกก แต่ก็ทำได้แค่มองเท่านั้น ปริบๆ
คือถ้าเป็นบ้านเรานะ คงมีร้านอาหารทะเลเปิดอยู่ต
เดินเจอกุ้งมังกรตัวใหญ่มาก
ตลาดนี้ชื่อว่า Boroko Handicrafts Market ยกให้เป็น The Best ในการเดินตลาดสำหรับทริปนี้
อันนี้เค้าขายพวกน้ำผึ้ง ยาสมุนไพรต่างๆ ฟิลลิ่งของภาพมันได้
อันนี้อะไรใครรู้บ้าง อิอิอิ
จบแล้วสำหรับทริปปาปัวนิวกิ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
ฝ้ายเอง
ติดตามเรื่องราวการเดินทางอีกมากมายได้ที่
https://www.thetravel2gether.com/