เติมพลังให้ร่างกาย ผ่อนคลายท่ามกลางแมกไม้และลมทะเล
ไปพัก Pool Villa ส่วนตัว ที่ Movenpick Asara Resort & Spa Hua Hin กัน
มี Chocolate Hours ฟรีด้วย ใครรัก chocolate ยิ่งต้องมา
Movenpick Asara Resort & Spa Hua Hin ที่นี่เป็นรีสอร์ท 5 ดาว เหมาะกับการไปพักผ่อนชาร์จพลังชีวิตให้ตัวเองมากกกกกก อาจเป็นเพราะความร่มรื่นของต้นไม้น้อยใหญ่ที่สร้างความสบายใจให้เรา ตามมาด้วยกลิ่นไอและลมจากทะเล ทำให้รู้สึกดี รู้สึกได้ ว่าบรรยากาศแบบนี้แหละคือการพักผ่อนที่แท้ทรู ขับรถมาจากกรุงเทพแค่ 2 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว หัวหินใกล้ๆ แค่เนี้ยเอง ไปนอนพักผ่อนชาร์จพลังสัก 3 วัน 2 คืน กำลังดี
โรงแรมเมอวินพิค อัสสรา รีสอร์ท แอนด์ สปา หัวหิน
Facebook Page : https://www.facebook.com/MovenpickHuaHin/
Website : http://www.movenpick.com/hua-hin
E-mail : resort.huahin.reservation@movenpick.com
Tel. 032 520 777
พิกัด : คลิกเล้ยยย
มาดูกันดีกว่า ว่าที่นี่จะเป็นยังไง Travel Together ขออาสาเล่าให้ฟังตามภาพเลยก็แล้วกัน เริ่มกันเลยนะ เล่าตั้งแต่มาถึงเลย
Lobby
เมื่อเลี้ยวรถเข้าจอดปุ๊บ เดินขึ้นมาบน Lobby ปั๊ป เราก็ได้สัมผัสกับอาคารที่ออกแบบมาให้สูงโปร่งโล่งสบาย รับลมธรรมชาติกันได้อย่างเต็มที่ จุด Chek-in ของที่นี่ ก็ประมาณนี้แหละ ดีไซด์ดีมีความเป็นไทยผสมอยู่
ระหว่างรอทำการ Check-in พนักงานต้อนรับก็ยก Welcome Ice cream มาเสิร์ฟให้ แถมมาด้วยรอยยิ้มอันละมุนละไม ^_^
เมื่อ Check-in รับ Keycard แล้ว พนักงานก็จะพาเราไปห้องพัก และแนะนำส่วนต่างๆ ให้ฟัง กระเป๋าไม่ต้องหิ้วมาเองนะ ทางโรงแรมจัดการนำส่งที่ห้องให้พักเรียบร้อย
ห้องพัก
ที่นี่จะมีห้องพักทั้้งหมด 96 ห้อง เป็น Pool Villa 52 ห้อง และห้อง Suit 44 ห้อง ครั้งนี้เราเลือกพักแบบ Pool Villa กัน ก็จะเล่าแต่เฉพาะห้องที่เราพักโน๊ะ
Private Pool Villa ที่เราพัก เป็นพูลวิลล่าส่วนตัวสำหรับ 2 คน พื้นที่เยอะมาก 150 ตร.ม. แหนะ
123 ห้องนี้แหละคือห้องพักของเรา
เข้ามาสิ ตามมาดูข้างในกัน
พอเปิดประตูมาก็รู้สึกเหมือนไม่ได้มาพักโรมแรมอ่ะ เหมือนมานอนบ้านเดี่ยวริมทะเลมากกว่า พื้นที่เยอะ และเป็นส่วนตัวมาก ภายในตัวบ้านแบ่งสัดส่วนชัดเจน และบริเวณนี้ก็คือสวนหย่อมหน้าบ้าน ประมาณนั้น
เปิดประตูเข้ามาในตัวบ้านปุ๊ป ก็จะเจอกับ ห้องนั่งเล่น ที่มีประตูกะจกล้อมรอบ เปิดรับลมธรรมชาติได้เต็มที่
ผลไม้ต้อนรับมาเป็นกระบุง พร้อมด้วย Chocolate Movenpick อันเลื่องชื่อ สีสันหน้ากินมาก อร่อยทุกเม็ด
สิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณห้องนั่งเล่น ของ Private Pool Villa ของในตู้เย็นอะไรที่ต้องจ่ายเพิ่ม ก็จะมีเรทราคาบอกอยู่จ้า พวกกาแฟ ชา ชงดื่มได้ฟรีเด้อ
โซนต่อมาคือ ห้องนอน ในห้องนอนมีทีวีจอใหญ่ ให้อีกเครื่องนึง ล้อมรอบด้วยประตูกระจกบานใหญ่ ถ้าวันที่ไปพักลมเย็น อากาศดี ก็ลองเปิดรับประตูนอนรับลมธรรมชาติสิ มันช่วยให้ผ่อนคลายสบายใจมาก
หรือจะเปิดประตูแล้วโดดน้ำ ตู้มมมม ลงสระเลยก็ได้ นี่แหละ!! ข้อดีของ พูลวิลล่าส่วนตัว เหมาะกับการพักผ่อนยิ่งนัก
หรือจะนั่งเก๊กสวยๆ ถ่ายภาพสวัสดีโซเชียลก็เพลินดี
มาดู ห้องน้ำ กันบ้าง โซนนี้กว้างจนเตะบอลได้เลยนะ 555 ในโซนนี้ก็จะแบ่งสัดส่วนได้ลงตัว ห้องอาบน้ำ กับห้องสุขาแยกกันคนละฝั่ง อ่างอาบน้ำอยู่ตรงกลาง ตู้เสื้อผ้า กับอ่างล้างหน้าอยู่ตรงข้ามกัน ชอบมากๆๆๆ
มีเตารีดกับโต๊ะรีดผ้าไว้ให้ใช้ด้วย เก็บเสื้อผ้ามาแบบยับๆ ได้เลย แล้วค่อยมารีดเอาที่นี่
ส่วนต่างๆ ของโซนห้องน้ำ
ยัง..ในส่วนของห้องยังไม่จบแค่นี้ เพราะเค้าทำโซนอาบน้ำแบบ outdoor เอาไว้ให้ด้วย ตอนเราอาบน้ำก็อาบตรงนี้แหละ หลงรักในความร่มรื่น ได้อาบน้ำท่ามกลางมวลหมู่ไม้
พาเดินย้อนกลับมาดูตรง สระว่ายน้ำส่วนตัว กันบ้าง
น้ำใสมาก เค้าคงวางระบบสระไว้ดี ความลึกสูงสุดอยู่ที่ 1.5 เมตร บริเวณนี้ก็ร่มรื่นไม่แพ้ส่วนอื่นๆ มีโต๊ะกินข้าว เตียงริมสระให้ด้วย
ตอนประมาณเกือหกโมงเย็นก็จะมีพนักงานมาจัดที่นอนเตรียมนอนให้ ใส่ใจมาก พนักงานจะมาพร้อมกับ Chocolate 2 ก้อน ให้กินก่อนนอน ช่วยทำให้หลับฝันหวาน
สำหรับห้อง Private Pool Villa ที่เราพักก็ประมาณค่ะ
ไปกันต่อ จะพาไปชมบรรยาศโดยรวมของรีสอร์ทว่าจะเป็นแบบไหนแล้วจะมีอะไรบ้าง เดินตามมาสิจ๊ะ (กล่าวเชิญชวนด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน)
บรรยากาศ และ สิ่งอำนวยความสะดวก
ระหว่างทางเดินไปริมทะเล เราก็จะเจอบึงก่อน แล้วก็จะมีสะพานไม้ทอดยวไว้ให้เราเดินสะบัดชายกระโปรงสวยๆ แต่วันนั้นแดดค่อนข้างร้อนเลยไม่ได้เดินสะบัดชายกระโปรงเล่นเลย
พาเดินเลยบึงน้ำนี้ไป ก็จะเจอกับสระว่ายน้ำส่วนกลางขนาดใหญ่ มองเห็นวิวทะเล
สระว่ายน้ำ เป็นสระน้ำเค็มนะ มีทั้งสระเด็ก และสระผู้ใหญ่
บรรยากาศของทะเล ช่วงนี้น้ำขึ้น ก็เลยไม่มีหาดนะจ๊ะ
ตรงหน้าสระว่ายน้ำมี Beach Bar ด้วย
Beach Bar มีความชิวประมาณนี้ ที่นั่งวงกลม landmark ของที่นี่
พาเดินย้อนไปดูโซนด้านหน้าแถวๆ Lobby กันบ้าง มีห้องฟิตเนสด้วย
Fitness Room
ที่นี่..มี Kids Club ด้วยนะ แต่ว่าเรายังไม่มีคิดส์ เลยลืมคิดที่จะเข้าไปเก็บภาพมาฝาก
โซนห้อง suit
อยู่บริเวณด้านหน้าแถว Lobby เช่นกัน ตรงนี้เหมือนหลุดมาอีกบรรยากาศนึงเลย ห้องพักโซนนี้จะมีบึงบัวอยู่ตรงกลาง มีสะพานไม้ทอดยาวกลางบึงบัว และก็มีสระว่ายน้ำ 2 สระ
สระว่ายน้ำของโซนนี้
เดินเล่นจนทั่วก็ได้เวลาอาหารเย็น สำหรับมื้อเย็นวันนี้เราทานกันที่ร้านอาหารบ้านดำ
ร้านอาหารบ้านดำ
เป็นร้านอาหารของโรงแรมเนี่ยแหละค่ะ แต่นักท่องเที่ยวทั่วไปก็นิยมมากินกัน เป็นอาหารสไตล์ไทย ริมทะเล มีดนตรีสดให้ฟังด้วย ยามเย็นที่นี่บรรยากาศดีมาก
บรรยากาศก็ประมาณนี้ เรือนไทยสีดำเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ เรือนไทยนี้เป็นบ้านดั้งเดิม ที่สร้างตั้งแต่รัชกาลที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้เหมือนกัน เอาเป็นว่าเป็นของเดิมเลย ไม่ได้สร้างขึ้นมาใหม่ และก็เป็นที่มาของชื่อ BAAN DUM
แกงปูใบชะพลูอร่อยมาก รสชาติจัดจ้นแบบไทยเลย
กินข้าวเย็นเสร็จแล้วก็ขอตัวกลับเข้าบ้านพักผ่อนก่อนจ้า
บ้าน Pool Villa ตอนกลางคืนก็โรแมนซ์ เซ็กซี่ ประมาณนี้แหละ
เช้าแล้วๆ เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน วันนี้กะว่าจะนอนตื่นสายๆ ไม่อยากเร่งรีบลุกออกไปไหน ก็เลยแจ้งพนักงานไว้ตั้งแต่ตอน Check-in ว่าขอรับอาหารเช้าที่ห้องนอนนะคะ
มื้อเช้าของเราก็เลยได้บรรยากาศประมาณนี้แหละ ^_^
อาหารที่เค้านำมาเสิร์ฟให้ ก็เป็นแบบง่าย ไม่ได้หวือหวา แต่ก็อิ่มจนแน่น
ทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว ต้องย่อยกันสักหน่อย การออกกำลังคือเรื่องดี งั้นถอดเสื้อคลุมโดดน้ำตุ้มมมเลยแล้วกัน
วันนี้ช่วงสายๆ เราจองคิวทำสปาไว้ค่ะ คิดจะพักก็ต้องเอาให้สุด อะไรที่ช่วยทำให้ผ่อนคลายจัดมาให้เต็มที่เลยจ้า
Asara Spa
ที่นี่สร้างความผ่อนคลายให้เราได้ทุกโสตสัมผัส ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง รวมทั้งท้วงจังหวะในการนวด มันเป็นอะไรที่ลงตัวสุดๆ เลยหละ แม่คุณเอ้ยย
ตามเข้ามาสิจ๊ะ
พนักงานให้คำแนะนำว่าที่นี่มีอะไรให้เลือกรับบริการบ้าง
เข้ามาปุ๊ปพนักงานก็ยกน้ำอัญชันพร้อมกับมะนาวมาเสิร์ฟ เป็นน้ำอัญชันรสธรรมชาติ เพราะไม่ได้ใส่น้ำตาลเลย เค้าใจใส่เรื่องสุขภาพของลูกค้าหนะ
หลังจากเลือกได้แล้ว ว่าเราอยากใช้บริการแบบไหน ก็ไปเปลี่ยนชุดค่ะ แน่นอนว่าต้องถอดหมด แต่ก็มีกางเกงในกระดาษไว้ให้เปลี่ยน แล้วก็ใส่ชุดคลุมออกมา
ห้องนวดจะมีให้เลือกหลายแบบนะคะ ทั้งแบบห้องส่วนตัว ห้องสวีท 2 คน หรือแบบเรือนนวด open air ก็มี
สำหรับโปรแกรมผ่อนคลายที่เราเลือกใช้บริการก็คือ “Himalayan Salt Thermal Therapy” เป็นการผสมผสานของเทคนิคการนวดด้วยเกลือหิมาลายันร้อน และเย็น ผสมกับการนวดน้ำมันออร์กานิคจากธรรมชาติ นวดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า สัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายทั้งกายและใจเลย เป็น 1 ชั่วโมง ที่รู้สึกสบายตัวมาก
หินสี่เหลี่ยมจะเป็นหินร้อนโดยการเอาไปตั้งบนเตาไฟ หินรูปหัวใจจะเป็นหินเย็น
เราเลือกห้องนวดแบบสวีทค่ะ
บรรยากาศของ Asara Spa
หลังจากนวดเสร็จก็มีน้ำขิงร้อนๆ เสิร์ฟมาคู่กับคุ้กกี้ให้ทาน
นวดเสร็จก็ได้เวลาของมื้อเที่ยงพอดี 3 วัน 2 คืนนี้ เราตั้งใจจะไม่ออกไปนอกรีสอร์ทเลย มื้อกลางวันเราก็เลือกทานกันที่ห้องอาหารก้ามปู เป็นห้องอาหารของทางโรงแรมค่ะ อาหารเช้าก็ต้องมาทานที่นี่แหละ
ห้องอาหารก้ามปู
นอกจากอาหารเช้าแล้ว ที่นี่ก็มีบริการอาหารทั้งวันเลย มีทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง มื้อนี้ขอเน้นที่อาหารฝรั่งบ้างนะ
จานนี้คือประทับใจมาก แต่ แต่ แต่ จำชื่อไม่ได้ มันเป็นเนื้อที่ผ่านการตุ๋นมานานถึง 48 ชั่วโมง เปื่อยมากๆ แทบจะละลายในปาก อร่อย ชอบมาก
ถ้าไปแล้วอยากทาน ก็บอกพนักงานประมาณว่า เอาเมนูเนื้อที่ใช้เวลาตุ๋น 48 ชั่วโมงอะค่ะ พนักงานน่าจะเข้าใจ
เมนูนี้ก็ดี เป็นแซลมอนรมควันที่จัดจานมาได้สวยงามมาก พอเปิดฝาก็จะมีควันออกมา
นอกจากอาหารคาวแล้วของหวานที่นี่ก็เด็ด แบรนด์ Movenpick เค้าขึ้นชื่อเรื่องของหวานอยู่แล้ว ทั้งไอติม ทั้งช๊อกโกแลต คือดีงามมาก
มื้อกลางนี้ ก็จะเต็มโต๊ะประมาณนี้
บรรยากาศของห้องอาหารก้ามปู มีทั้งโซนห้องแอร์ และแบบรับลมธรรมชาตินะคะ
และนี่น่าจะเป็นที่มาของชื่อ “ก้าามปู” ยิ่งใหญ่ ร่มเย็นมาก
จบมื้อกลางวันแล้ว แต่บริการของทางโรงแรมยังไม่จบจ่ะ บริการที่คนรัก Chocolate ต้องอย่าพลาด
Chocolates Hours
บริการนี้ทางโรมแรมจัดให้ ฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ช่วง 15.00-16.00 น. ของทุกวัน
หลังจากฟินกับการกินช๊อคโกแลต ก็กลับห้องไปนอนผึ่งพุง พอใกล้พระอาทิตย์ตกดิน ก็ออกมาจิบค๊อกเทลเบาๆ ริมทะเลกัน
บีชบาร์ยามเย็น บรรยากาศก็ประมาณนี้แหละ
Cocktail ต้มข่า ฟังดูแปลกดีเน๊าะ แต่ก็อร่อยดีนะ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะรสชาติโอเค
สั่ง snack มาแกล้มเบาๆ
ชิวมากกกก
มื้อเย็นก็ฝากท้องไว้ที่ห้องอาหารกล้ามปูเช่นเคย แต่มื้อนี้เราจะเน้นอาหารไทยเป็นหลัก
ยำส้มโอ คือดีงามและสวยงามมาก อร่อยยยด้วย สำหรับมื้อนี้ขอเทใจให้จานนี้กับเนื้อย่างจิ้มแจ่ว
ปิดท้ายด้วยของหวาน
บรรยากาศทางเดินกลับบ้านพัก ยามค่ำคืน
เช้าแล้วๆ สำหรับเช้านี้เราไปทานกันที่ห้องอาหารก้ามปูค่ะ พาไปดูไลน์บุฟเฟ่ต์ของที่นี่กันบ้าง
สำหรับบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าที่นี่ ก็มีให้เลือกหลากหลายดีค่ะ อาหารก็ตามมาตรฐานของโรงแรม 5 ดาว
มีก๋วยเตี๋ยวอยู่ด้านนอกด้วย
egg benedict ของโปรดเลย
สรุปตามความรู้สึก
ที่นี่โดยรวมโอเคเลย ชอบความร่มรื่นของแมกไม้ที่มีอยู่ทั่วรีสอร์ท มันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย พนักงานน่ารัก เดินไปตรงไหน ถ้าตรงนั้นมีพนักงานอยู่ ทุกคนก็จะกล่าว “สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ” ตลอดทาง เรื่องเล็กๆ พวกนี้มันสร้างความประทับใจให้เราได้มาก
ห้องพักมีความเป็นส่วนตัวสูง พื้นที่แต่ละห้องกว้างมาก แบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน สบายเหมือนอยู่บ้าน สิ่งอำนวยความดวกก็ครบครันดี
ราคาอาหารเท่าที่ดู ก็พอๆ กับร้านอาหารดังๆ ในหัวหิน ไม่ได้แพงโดดจนเกินพอดี
สำหรับที่นี่ก็ประมาณนี้แหละ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
ฝ้ายเอง
Movenpick Asara Resort & Spa Hua Hin
Facebook Page : https://www.facebook.com/MovenpickHuaHin/
Website : http://www.movenpick.com/hua-hin
E-mail : resort.huahin.reservation@movenpick.com
Tel. 032 520 777
พิกัด : คลิกเล้ยยย
ติดตามเรื่องราวการเดินทางอีกมากมายได้ที่
https://www.thetravel2gether.com/